การประชุมว่าด้วยนวัตกรรมการบริหารเมืองและความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมจีน–ไทย (เซี่ยงไฮ้) จัดขึ้นที่เขตจิ่งอัน
เขตจิ่งอัน เซี่ยงไฮ้ – วันที่ 4 กันยายน 2025 เวลา 07:05
ปี 2025 เป็นวาระครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจีน–ไทย เพื่อเสริมสร้างมิตรภาพอันลึกซึ้งของ “จีน–ไทยเป็นครอบครัวเดียวกัน” และส่งเสริมความร่วมมือที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น การประชุม “นวัตกรรมการบริหารเมืองและความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมจีน–ไทย (เซี่ยงไฮ้)” จัดขึ้นเมื่อวันที่ 2 กันยายน ณ โรงแรมเหมยลี่หยวนแกรนด์ เขตจิ่งอัน
การประชุมครั้งนี้จัดโดยคณะกรรมการธุรกิจบริการ สมาพันธ์อุตสาหกรรมบริการสมัยใหม่แห่งเซี่ยงไฮ้ และสมาคมการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศแห่งเอเชีย ร่วมกับสภาหอการค้าเขตจิ่งอัน และบริษัทที่ปรึกษาการจัดการฉวนอวี่ ผู้เข้าร่วมงานกว่า 100 คน ประกอบด้วยสมาชิกของสมาพันธ์ฯ สมาคมฯ และหอการค้าเขตจิ่งอัน รวมทั้งคณะผู้บริหารระดับสูงด้านการพัฒนาเมืองจากกรุงเทพฯ และผู้แทนจากมหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ประเทศไทย มาร่วมหารือแนวทางใหม่ ๆ ด้านนวัตกรรมการบริหารเมืองและความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมระหว่างประเทศ
คำกล่าวของผู้แทน
นาย เยี่ย เจี้ยนหัว รองประธานสมาพันธ์อุตสาหกรรมบริการสมัยใหม่แห่งเซี่ยงไฮ้ และประธานคณะกรรมการธุรกิจบริการ กล่าวว่า การปรับปรุงเมืองไม่ใช่เพียงการพัฒนาอาคารหรือพื้นที่ แต่ยังเป็นโอกาสใหม่ของอุตสาหกรรมบริการสมัยใหม่ ผ่านการบูรณาการวัฒนธรรม พลังงานสีเขียว การจัดการสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ อุตสาหกรรมบริการสมัยใหม่กำลังกลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อการพัฒนาเมืองคุณภาพสูง พร้อมเชิญชวนเพื่อนใหม่และเพื่อนเก่าเยี่ยมเยือนเซี่ยงไฮ้บ่อยครั้ง เพื่อกระชับมิตรภาพและปูรากฐานความร่วมมือในอนาคต
นาง หยาง หลันถิง รองประธานสมาคมการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศแห่งเอเชีย กล่าวว่า มิตรภาพจีน–ไทยมีรากฐานยาวนาน การแลกเปลี่ยนและความร่วมมือแบบได้ประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศถือเป็นต้นแบบระดับนานาชาติ การประชุมครั้งนี้ไม่เพียงเป็นเวทีแลกเปลี่ยน แต่ยังเป็นโอกาสใหม่ทางความร่วมมือ ที่จะนำผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมมาสู่อนาคตของทั้งสองประเทศ เธอแสดงความหวังว่าจีนและไทยจะเสริมสร้างความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมบริการสมัยใหม่และด้านอื่น ๆ เพื่อยกระดับศักยภาพการบริหารเมืองร่วมกัน
นาย พิชิต รัตตกุล รองประธานสภามหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช และอดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ในฐานะเครื่องจักรสำคัญทางเศรษฐกิจของจีน เซี่ยงไฮ้ได้แสดงให้โลกเห็นรูปแบบการพัฒนาที่ให้ความสำคัญทั้งความเร็วและคุณภาพ กรุงเทพฯ และเซี่ยงไฮ้เป็นเมืองพี่เมืองน้อง ซึ่งรูปแบบการพัฒนาของย่านถนนหนานจิงซีได้มอบบทเรียนที่เป็นตัวอย่างสมัยใหม่แก่กรุงเทพฯ และเมืองอื่น ๆ ของไทย ที่ผสมผสานการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพเข้ากับการดูแลเอาใจใส่มนุษย์เป็นศูนย์กลาง เขาย้ำว่า แม้ไทยจะมีวัฒนธรรม โครงสร้างสังคม และรูปแบบการบริหารเฉพาะตัว แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการเรียนรู้จากปรัชญา “ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง” ของเซี่ยงไฮ้ และปรับใช้ให้เข้ากับสภาพของประเทศและเมืองในไทย เพื่อสร้างเส้นทางการพัฒนาเมืองน่าอยู่ที่มีเอกลักษณ์แบบไทย
คำกล่าวของผู้แทน
นาย เยี่ย เจี้ยนหัว รองประธานสมาพันธ์อุตสาหกรรมบริการสมัยใหม่แห่งเซี่ยงไฮ้ และประธานคณะกรรมการธุรกิจบริการ กล่าวว่า การปรับปรุงเมืองไม่ใช่เพียงการพัฒนาอาคารหรือพื้นที่ แต่ยังเป็นโอกาสใหม่ของอุตสาหกรรมบริการสมัยใหม่ ผ่านการบูรณาการวัฒนธรรม พลังงานสีเขียว การจัดการสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ อุตสาหกรรมบริการสมัยใหม่กำลังกลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อการพัฒนาเมืองคุณภาพสูง พร้อมเชิญชวนเพื่อนใหม่และเพื่อนเก่าเยี่ยมเยือนเซี่ยงไฮ้บ่อยครั้ง เพื่อกระชับมิตรภาพและปูรากฐานความร่วมมือในอนาคต
นาง หยาง หลันถิง รองประธานสมาคมการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศแห่งเอเชีย กล่าวว่า มิตรภาพจีน–ไทยมีรากฐานยาวนาน การแลกเปลี่ยนและความร่วมมือแบบได้ประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศถือเป็นต้นแบบระดับนานาชาติ การประชุมครั้งนี้ไม่เพียงเป็นเวทีแลกเปลี่ยน แต่ยังเป็นโอกาสใหม่ทางความร่วมมือ ที่จะนำผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมมาสู่อนาคตของทั้งสองประเทศ เธอแสดงความหวังว่าจีนและไทยจะเสริมสร้างความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมบริการสมัยใหม่และด้านอื่น ๆ เพื่อยกระดับศักยภาพการบริหารเมืองร่วมกัน
นาย พิชิต รัตตกุล รองประธานสภามหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช และอดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ในฐานะเครื่องจักรสำคัญทางเศรษฐกิจของจีน เซี่ยงไฮ้ได้แสดงให้โลกเห็นรูปแบบการพัฒนาที่ให้ความสำคัญทั้งความเร็วและคุณภาพ กรุงเทพฯ และเซี่ยงไฮ้เป็นเมืองพี่เมืองน้อง ซึ่งรูปแบบการพัฒนาของย่านถนนหนานจิงซีได้มอบบทเรียนที่เป็นตัวอย่างสมัยใหม่แก่กรุงเทพฯ และเมืองอื่น ๆ ของไทย ที่ผสมผสานการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพเข้ากับการดูแลเอาใจใส่มนุษย์เป็นศูนย์กลาง เขาย้ำว่า แม้ไทยจะมีวัฒนธรรม โครงสร้างสังคม และรูปแบบการบริหารเฉพาะตัว แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการเรียนรู้จากปรัชญา “ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง” ของเซี่ยงไฮ้ และปรับใช้ให้เข้ากับสภาพของประเทศและเมืองในไทย เพื่อสร้างเส้นทางการพัฒนาเมืองน่าอยู่ที่มีเอกลักษณ์แบบไทย
การแลกเปลี่ยนในที่ประชุม
คณะผู้แทนด้านการพัฒนาเมืองของกรุงเทพฯ ประกอบด้วยบุคลากรจากหน่วยงานภาครัฐ มหาวิทยาลัย และภาคเอกชนของไทย ส่วนฝั่งจีนมีผู้แทนจาก 8 บริษัท ได้แก่ กลุ่มจิ่วไป๋ กลุ่มซูเหอหวาน กลุ่มต้าเหนิง กลุ่มจิ่งกง กลุ่มฉางเจ้า คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ธนาคารแห่งประเทศจีน สาขาเขตจาเป่ย เซี่ยงไฮ้ และไชน่าโมบายเขตตะวันตกเซี่ยงไฮ้ เข้าร่วมการประชุม
ในช่วงแลกเปลี่ยน ผู้บริหารบริษัทผู้พัฒนาย่านหนานซี ได้นำเสนอการพัฒนา การบริหาร และทิศทางอนาคตของย่านถนนหนานจิงซี โดยสรุปผ่าน 3 คำหลักคือ “ชนะ (盈)” “ก้าวกระโดด (跃)” และ “จุดประกาย (燃)”
มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ซึ่งเป็นสถาบันชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้านการบริหารเมือง นโยบายสาธารณะ และการพัฒนาอย่างยั่งยืน มีการตั้งคำถามและอภิปรายอย่างคึกคักในหัวข้อการพัฒนาเมือง การผสมผสานวัฒนธรรมกับเมือง และบทบาทของอุตสาหกรรมบริการสมัยใหม่ต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ พร้อมทั้งระบุว่าจะนำย่านหนานจิงซีมาเป็นต้นแบบการเรียนรู้ และถ่ายทอดประสบการณ์ด้านการพัฒนาและการจัดการที่ประสบความสำเร็จกลับสู่ประเทศไทย
ผู้สื่อข่าว: หวง เสี่ยวชิง
บรรณาธิการ: เย่ ผิง
ที่มา: สภาหอการค้าเขตจิ่งอัน
กรุณาอ้างอิง “WeChat ทางการเขตจิ่งอัน เซี่ยงไฮ้” หากนำไปเผยแพร่